รักษาเริมด้วยตัวเองโดยสวัสดิภาพรวมทั้งเห็นผลด้วยแนวทางธรรมชาติและก็การดูแลที่เหมาะสม

[dsmol19]

เริมเป็นโรคติดเชื้อโรคไวรัสประเภทหนึ่งที่สร้างความหงุดหงิดหัวใจแล้วก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนที่เป็นไปได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในตอนที่อาการกำเริบซ้ำซ้อน ผู้เจ็บป่วยมักมีลักษณะแสบร้อน คัน หรือเจ็บรอบๆที่เกิดตุ่มใส เป็นต้นว่า ริมฝีปาก อวัยวะสืบพันธุ์ หรือส่วนอื่นๆของร่างกายที่เชื้อไวรัสสามารถซ่อนตัวอยู่ เมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันน้อยลง หรือมีสาเหตุกระตุ้น ตัวอย่างเช่น ความตึงเครียด พักไม่เพียงพอ หรือเป็นไข้ เชื้อไวรัสก็จะกลับมาส่งผลให้เกิดอาการอีกที ด้วยเหตุนั้นผู้คนจำนวนมากจึงมองหาแนวทางรักษาเริมด้วยตัวเองที่สามารถทำได้ง่าย ไม่เป็นอันตราย และก็ช่วยทุเลาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ



สามารถอ่านรายละเอียดได้ตามนี้ >> รักษาเริมด้วยตัวเอง https://www.poonrada.com/sickness/detail/207

สิ่งแรกที่ควรจะทำเมื่อมีลักษณะของเริมเป็นการสังเกตสัญญาณเริ่มให้ไวที่สุด ด้วยเหตุว่าถ้าสามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ทีแรกๆเริ่มที่มีลักษณะตึง คัน หรือแสบรอบๆที่จะกำเนิดตุ่มเริม จะช่วยชะลอการลุกลุกลามของเชื้อไวรัสแล้วก็ลดช่วงเวลาการเกิดอาการได้ การรักษาเริมด้วยตัวเองในระยะเริ่มต้นควรจะมุ่งเน้นที่การดูแลสุขอนามัย การใช้สมุนไพรหรือวิธีธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านไวรัส และก็การดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อกลับมาแสดงอาการซ้ำบ่อยมาก

การประคบเย็นในตอนที่มีอาการสามารถช่วยลดการอักเสบและก็บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนเจริญ โดยใช้ผ้าสะอาดห่อเจลเย็นหรือผ้าชุบน้ำเย็นประคบรอบๆที่เกิดตุ่มเริมวันละ 2-3 ครั้ง ทีละ 10-15 นาที วิธีนี้ช่วยให้รอบๆที่ติดเชื้อเย็นลงและก็ลดการระคายเคือง การดูแลความสะอาดของรอบๆที่ติดโรคเป็นอีกเรื่องสำคัญ ควรล้างด้วยน้ำที่สะอาดรวมทั้งสบู่อ่อนๆหลีกเลี่ยงการเกา แกะ หรือบีบตุ่มเริม เพราะว่าอาจจะก่อให้เชื้อแพร่ไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและก็ติดเชื้อแบคทีเรียสอดแทรกได้ง่าย

การใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทุเลาอาการของเริมและก็ต้านเชื้อไวรัสได้ ได้แก่ ใบเสลดพังพอนตัวเมียที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมแดงและรีบให้ตุ่มแห้งเร็วขึ้น หรือจะใช้ว่านหางจระเข้สดทาบางๆบริเวณที่เป็นเริมก็ได้เหมือนกัน เนื่องจากนหางจระเข้มีสารต้านเชื้อไวรัสรวมทั้งให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ทำให้แผลหายเร็วขึ้นโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น สำหรับคนที่ต้องการเสริมการดูแลจากด้านใน ควรเน้นการรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ดังเช่นว่า ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียงในทุกวัน

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาเริมด้วยตัวเองก้าวหน้าเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการกำเริบบ่อย ควรที่จะเอาใจใส่ประเด็นการพักให้พอเพียงอย่างต่ำวันละ 7-8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงความเคร่งเครียดหรือควบคุมความเครียดด้วยกิจกรรมที่ผ่อนคลายจิตใจ เช่น ตั้งใจ โยคะ หรือการเดินเที่ยวในที่ที่มีธรรมชาติ การบริหารร่างกายเบาๆอย่างสม่ำเสมอ ดังเช่นว่า เดินเร็วหรือปั่นจักรยาน ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและก็ลดโอกาสที่เริมจะกำเริบ



ควรจะเลี่ยงอาหารบางประเภทที่มีผลต่อการเติบโตของเชื้อไวรัส ได้แก่ ช็อกโกแลต ถั่วลิสง ถั่วเหลือง หรือของกินที่มีกรดอะมิโนอาร์จินีนสูง เนื่องจากบางทีอาจกระตุ้นให้เชื้อไวรัสเริมทำงานมากขึ้น ช่วงเวลาเดียวกันก็ควรจะเพิ่มของกินที่มีกรดอะมิโนไลซีนสูง ดังเช่นว่า ปลา นม ไข่ รวมทั้งโยเกิร์ต ซึ่งมีส่วนช่วยยั้งการก้าวหน้าของเชื้อไวรัสเริม

ถึงแม้เริมจะไม่อาจจะรักษาให้หายขาดได้อย่างยั่งยืน เพราะเหตุว่าเชื้อไวรัสยังคงแฝงตัวอยู่ในร่างกาย แต่ว่าการดูแลตนเองอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้คนป่วยควบคุมอาการได้ดิบได้ดี ลดการกลับมาเป็นซ้ำ และก็ดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติ การมีวินัยสำหรับในการดูแลสุขภาพของตนเองอีกทั้งในด้านการอยู่การกิน พักผ่อน แล้วก็อารมณ์จึงเป็นส่วนสำคัญของการควบคุมโรคนี้ให้สงบนาน

ถ้าเกิดอาการของเริมรุนแรงหรือเกิดขึ้นซ้ำบ่อยเกินไป การหารือแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อรับการดูแลรักษาเสริมก็เป็นโอกาสที่สมควร โดยเฉพาะในเรื่องที่เริมเกิดบริเวณของลับหรือดวงตา เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาได้ ด้วยเหตุนี้แม้ว่าการรักษาเริมด้วยตัวเองจะช่วยบรรเทาอาการได้ในหลายสาเหตุ แต่ว่าก็ไม่สมควรมองข้ามการประเมินอาการอย่างใกล้ชิดรวมทั้งใช้แนวทางที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลร่วมด้วย



เมื่อสามารถดูแลตัวเองได้โดยตลอดและก็สมควร การเกิดเริมซ้ำจะลดน้อยลง ความรุนแรงของอาการจะลดน้อยลง รวมทั้งคนไข้ก็สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ การสนใจสุขภาพจากด้านในจึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการควบคุมเริมอย่างยั่งยืน แม้คุณมีทิศทางที่จะเป็นเริมเสมอๆการศึกษาแนวทางจัดการและก็ดูแลรักษาเริมด้วยตัวเองถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรให้ความใส่ใจตั้งแต่วันนี้



 Source: บทความ รักษาเริมด้วยตัวเอง https://www.poonrada.com/sickness/detail/207