• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


อาการมือชา เกิดจากอะไร ? สัญญาณเตือนสุขภาพ ที่ไม่ควรมองข้าม

Started by Prichas, Jun 12, 2025, 04:18 PM

Previous topic - Next topic

Prichas

อาการมือชา คือ อาการที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีของแหลมคมทิ่มแทงชั่วขณะ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท หรือการไหลเวียนเลือด รวมถึงเกิดจากการหนาตัวของเอ็นกระดูกบริเวณข้อมือ ส่งผลให้เอ็นไปกดรัดเส้นประสาท และเลือดไม่สามารถส่งไปเลี้ยงที่เส้นประสาทที่ถูกกดทับอยู่ 


อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วอาการมือชา มักจะเป็นอาการฉับพลัน แต่หากเกิดอาการบ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความผิดปกติของโรคทางระบบประสาท และสมองในอนาคต โดยสาเหตุของอาการชา มีดังต่อไปนี้ 



[ul]
  • กลุ่มอาการเส้นประสาทกดทับ
[/ul]
อาการเส้นประสาทกดทับ เป็นภาวะที่บริเวณเส้นประสาทถูกกดทับ หรือมีแรงบีบคั้นบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้บริเวณข้อมือ หรือปลายนิ้วมือเกิดความรู้สึกชา และอ่อนแรงขึ้น รวมถึงมีอาการเส้นเอ็นบวม หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น


โดยอาการที่พบได้บ่อย ของกลุ่มอาการเส้นประสาทกดทับ ได้แก่ ชาบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง รวมถึงมีอาการปวด คล้ายไฟช็อต และอาจปวดขึ้นตามแขนถึงหัวไหล่ ซึ่งมักจะมีอาการในเวลากลางคืน หรือในเวลาที่ใช้ข้อมือมาก
[ul]
  • โรคเบาหวาน
[/ul]
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ก็มีอาการชามือแบบเฉียบพลันได้เช่นกัน ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาล หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขยับร่างกายไม่สะดวก 


ทั้งนี้ เมื่อเกิดอาการชาบริเวณปลายนิ้ว หรือข้อมือแล้ว ควรบริหารข้อมือบรรเทาปวด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด



[ul]
  • การขาดวิตามิน
[/ul]
หากร่างกายขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะวิตามินที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และวิตามินอี อาจทำให้เกิดอาการชาได้ เนื่องจาก เส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยผู้ที่มีอาการเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน ได้แก่ ผู้ที่ทานมังสวิรัติ ผู้ป่วยขาดสารอาหารเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรค และผู้ป่วยขาดสารอาหารเรื้อรัง 
[ul]
  • การบาดเจ็บ
[/ul]
การบาดเจ็บบริเวณข้อมือจากอุบัติเหตุ หรือการเล่นกีฬา อาจทำให้เส้นประสาทได้รับความเสียหาย หรือถูกกดทับ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการนำส่งสัญญาณจากสมองไปยังอวัยวะต่าง ๆ ลดลง จนนำไปสู่อาการชาในที่สุด ดังนั้น ควรทำกายภาพบำบัด ตามที่แพทย์แนะนำอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้หายดี โดยไม่ต้องรับประทานยาเพิ่ม

ขอบคุณข้อมูลจาก https://aligncityclinic.com/